ประจำเดือน สิงหาคม 2011
แปลและเรียบเรียงโดย น.สพ.ชัชวาลย์ สอนศรี
ผช.ผจญ. วิชาการ-สุขภาพไก่เนื้อ
วัคซีนชนิด Vector เป็นวัคซีนแนวทางใหม่ที่จะใช้ในการควบคุมเชื้อ Newcastle (ND)
( Vector vaccine – the new approach to Newcastle disease control )
จากการจัดงานสัมมนาของบริษัทซีวาเกี่ยวกับเรื่องวัคซีนชนิดที่มีตัวนำพา หรือ Vector vaccine ที่ซานดิเอโก้ ประเทศอเมริกา ซึ่งประเด็นหลักในที่นี้ก็คือ การที่จะทำวัคซีนเพื่อที่จะควบคุมโรค ND ในอุสาหกรรมการเลี้ยงไก่นั้นเอง
ซึ่งในงานนี้ คุณเทียรรี่ แวนเดอร์เวอร์ก จากแบลเยี่ยม ก็ได้เป็นคนทำการทบทวนความรู้เกี่ยวกับเรื่องของโรคนิวคลาสเซิล และการควบคุมป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้น ซึ่งการบรรยายก็เริ่มตั้งแต่สาเหตุของการเกิดโรค อุบัติการณ์ของการเกิดโรค และพื้นที่ที่มีการเกิดโรคขึ้นมาครั้งแรก โดยพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคครั้งแรกก็คือ ในเมืองจาวา และเมืองนิวคลาสซิล(เป็นชื่อที่มีการตั้งขึ้นในภายหลัง) โดยพื้นที่ดังกล่าวนี้จะอยู่ในประเทศอังกฤษ และปีที่เกิดโรคคือ ปี 1906
ความรุนแรงของโรคที่เกิดขึ้น
โรคนิวคลาสซิลเป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสที่มีความรุนแรงและเป็นโรคที่ก่อให้เกิดความเสียหายเป็นอย่างมากในธุรกิจการเลี้ยงไก่เนื้อ โดยจะพบว่าสัตว์ปีกมากกว่า 250 ชนิดสามารถที่จะติดเชื้อนี้ได้ โดยอัตราการตายและอัตราการป่วยจะมีความสัมพันธ์กันเป็นอย่างมาก โดยทั่วไปแล้วถ้าสัตว์ติดเชื้อมักจะมีอาการป่วย 100%
ในการระบาดของโรคจะพบการระบาดในสัตว์ปีกทั่วไป โดยจะพบการระบาดในตอนกลางของประเทศอเมริกา แอฟฟริกา เอเชียใต้และตะวันออก รวมไปถึงประเทศจีนด้วย ซึ่งรายละเอียดของการระบาดของโรคทั้งหมดจะแสดงเอาไว้ในตารางที่ 1:
อาการของโรคจะมีการแสดงอาการระบบทางเดินหายใจตั้งแต่ปานกลางไปจนถึงรุนแรง และนอกจากนี้ยังพบอาการท้องเสีย และสุดท้ายก็จะมีผลทำให้เกิดการสูญเสียสูงตามมา และนอกจากนี้ยังพบว่าในการติดเชื้อไวรัสบางสายพันธ์จะมีผลทำให้ไข่ลด และมีอาการทางประสาทร่วมด้วย ในการแบ่งชนิดของการเกิดโรคนิวคลาสเซิลนั้นจะแบ่งตามความรุนแรงของโรคและลักษณะของอาการไก่ที่แสดงออก ซึ่งรายละเอียดจะมีดังนี้
ความรุนแรงของโรคมาก ( Velogenic) :
จะมีอัตราการตายของไก่มาก ประมาณ 80-100% ของฝูง เชื้อที่ก่อความรุนแรงและแสดงอาการของโรคทางประสาท (Velogenic neurotropic) นั้น มันจะมีผลไปทำลายระบบประสาทเป็นหลักและมีผลทำให้เกิดโรคในระบบทางเดินหายใจด้วย ซึ่งเชื้อตัวนี้มันจะเป็นเชื้อสายพันธ์ที่ 2 (genotypes II ) และนอกจากนี้เชื้อในกลุ่ม Velogenic viscerotropic นั้น มันก็จะมีผลทำให้เกิดเลือดออกที่ระบบทางเดินอาหาร ตามมา ( เป็นเชื้อในสายพันธ์ ที่ 3 – 4 )
ความรุนแรงของโรคปานกลาง (Mesogenic )
โดยทั่วไปแล้วจะพบอัตราการตายน้อย ซึ่งโดยมากมักจะน้อยกว่า 10% แต่อาจจะมีมากถึง 50% ในกรณีที่เป็นโรคในไก่ที่อายุน้อย อาการในระบบทางเดินหายใจมักจะพบได้เป็นปกติและอาการทางระบบประสาทจะพบได้น้อย (เป็นเชื้อในสายพันธ์ ที่ 2 , 2a และ 3)
ความรุนแรงของโรคต่ำ (Lentogenic )
เป็นเชื้อไวรัสที่พบได้ทั่วไป และมีความรุนแรงต่ำ ซึ่งจะไม่ก่อให้เกิดอาการทางระบบหายใจ แต่จะพบปัญหาเรื่องของอัตราการเจริญเติบโตที่ต่ำลง (เป็นเชื้อในสายพันธ์ที่ 2 และ 2a)
เชื้อไวรัสที่ไม่ก่อโรค (Apathogenic)
เป็นเชื้อไวรัสที่อยู่ในระบบทางเดินอาหาร และไม่พบการก่อโรคที่ระบบทางเดินอาหารเลย (เป็นเชื้อในสายพันธ์ที่ 1 และ 1a)
และโดยทั่วไปแล้ววัคซีนสำหรับป้องกันเชื้อนิวคลาสเซิลนั้น จะเป็นเชื้อที่สามารถแยกได้ก่อนปี 1960 แล้วทั้งนั้น ซึ่งโดยทั่วไปก็จะเป็นเชื้อที่อยู่ในสายพันธ์ 1 – 3 ทั้งนั้น ซึ่งวัคซีนที่นำมาใช้ก็จะมีทั้งที่เป็นเชื้อเป็น และวัคซีนเชื้อตาย
วัคซีนเชื้อเป็น ( Attenuated vaccines)
โดยทั่วไปแล้ว วัคซีนเชื้อเป็นที่มีการนำมาใช้กันอยู่ทั่วไปนี้ ก้จะเป็นเชื้อในกลุ่มที่มีความรุนแรงต่ำ (เชื้อสายพันธ์ 2 และ กลุ่มเชื้อไวรัสที่ไม่ก่อโรค (เชื้อสายพันธ์ 1 ) และในบางครั้งก็เอาเชื้อที่มีความรุนแรงปานกลางมาทำวัคซีนด้วย (เชื้อสายพันธ์ 2-3) แต่ปัญหาที่มักจะพบตามมาก็คือ มันจะเกิดอาการแพ้วัคซีนที่มากขึ้น ในการที่จะนำวัคซีนในกลุ่มนี้มาใช้ก็ใช้ในการเกิดการระบาดของเชื้อที่รุนแรงและแพร่กระจายกันไปทั่ว หรือเพื่อที่จะทำวัคซีนซ้ำ (boot vaccine) เพื่อที่จะทำให้ระดับภูมิคุ้มกันเพิ่มสูงขึ้น แต่ว่าวัคซีนที่มีความรุนแรงระดับปานกลาง (Mesogenic vaccine) จะไม่อนุญาตให้ใช้ในกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป (EU)
ในอุตสาหกรรมการเลี้ยงไก่ปัจจุบันนี้ จะเป็นการเลี้ยงไก่ที่มีจำนวนตัวที่มากๆ และอายุใกล้ๆกัน ซึ่งทางผู้เลี้ยงก็มีความต้องการที่จะทำให้การทำวัคซีนมีทั้งประสิทธิภาพและประสิทธิผลที่ดีที่สุด เพื่อที่จะสามารถที่จะป้องกันการเกิดโรคที่จะเกิดขึ้นตามมาได้
จุดมุ่งหมายสูงสุดของการทำวัคซีน
ประสิทธิภาพของการทำวัคซีนที่ดีที่สุดก็คือ การทำให้ไก่ตัวนั้นหรือไก่ในฝูงนั้นสร้างภูมิคุ้มกัน ป้องกันการติดเชื้อภายในพื้นที่ได้ และนอกจากนี้ยังต้องป้องกันอาการของการเกิดโรคและลดการแพร่เชื้อลงสู่สิ่งแวดล้อมให้ได้ด้วย
หลักการสำคัญของการทำวัคซีนป้องกันโรคนิวคลาสเซิลนั้น มันจะช่วยป้องกันการติดเชื้อไวรัสในพื้นที่แต่มันไม่ได้ไปทำลายเชื้อไวรัสที่มีอยู่ในพื้นที่นั้นๆ และนอกจากนี้มันก็อาจจะป้องกันปัญหาการแพร่เชื้อไวรัสจากตัวไก่ไปสู่สิ่งแวดล้อมได้ และในบางครั้งมันก็อาจจะยังคงทำให้เชื้อไว้รัสที่ก่อโรคนั้นมันยังคงมีอยู่ภายในฟาร์มที่เลี้ยงสัตว์ปีกอยู่นั้นเอง
ในการทำวัคซีนที่ดีนั้น โดยมากแล้วมันจะสามารถที่จะกระตุ้นทำให้เกิดภูมิกันป้องกันโรคนิวคลาสเซิลได้ในระดับที่สูงๆอยู่แล้ว และนอกจากนี้ ภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นนี้มันยังมีความแตกต่างกันระหว่าง ภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นจากการทำวัคซีน และภูมิคุ้มกันที่เกิดจากการติดเชื้อภายในธรรมชาติด้วย ซึ่งวิธีการตรวจนี้ จะใช้วิธีการตรวจแบบ DIVA
ในทางเดียวกัน ระดับภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นนี้มันก็ไม่ได้มีผลในการป้องกันการติดเชื้อที่เกิดกับระดับของ HI ( Humoral antibody) ที่เกิดขึ้นเนื่องจากการทำวัคซีนเลย ซึ่งระดับของค่า HI Titer ที่สูงขึ้นมันก็ใช่ว่าจะทำให้มีการป้องกันการติดเชื้อที่ดีเสมอไป และถ้าตรวจวัดระดับภูมิคุ้มกันแบบ HN antigen มันก็นะมีผลไปในทางเดียวกันมากกว่า หรือ สามารถที่จพบอกได้ว่า ถ้ามีค่าอยู่ในระดับที่สูงมันก็สามารถที่จะป้องกันการติดเชื้อที่มีอยู่ภายในพื้นที่ได้
โดยปกติแล้ว ระดับของภูมิคุ้มกันแบบ HI ที่สร้างขึ้นภายในกระแสเลือด มันมักจะไม่มีความสัมพันธ์กับระดับของภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นจากการทำวัคซีนเชื้อเป็น ซึ่งวัคซีนเชื้อเป็นนี้มันจะกระตุ้นให้เกิดภูมิคุ้มกันในร่างกายน้อย แต่มันจะเป็นเซลล์ที่จะมีการแพร่กระจายไปที่อวัยวะที่มันจะใช้ในการป้องกันเชื้อไวรัสที่จะเข้าไปภายในร่างกาย เช่น ต่อมน้ำเหลือง เป็นต้น
ดังนั้นสิ่งหนึ่งที่จำเป็นมากก็คือ การที่จะทำวัคซีนซ้ำหลังจากที่ทำวัคซีนเชื้อเป็นไปแล้ว นั้นก็คือ การทำวัคซีนแบบ Vector vaccine นั้นเอง
สำหรับวัคซีนชนิด Vector vaccine นั้น จะเป็นวัคซีนที่มีความปลอดภัยสูงมาก เชื้อไวรัสที่อยู่ในตัวพา หรือ Vector จะไม่สามารถที่จะก่อโรคกลับมามีความรุนแรงขึ้นได้อีกเลย โดยในวัคซีนชนิดนี้สารที่ใช้ทำสื่อมันจะมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพที่สูงมาก และมันยังสามารถที่จะกระตุ้นให้เกิดภูมิคุ้มกันได้สูงมากอีกด้วย และข้อดีของมันอีกคือ มันทำวัคซีนไปแล้ว มันจะสามารถที่จะกระตุ้นให้เกิดภูมิคุ้นกันที่รวดเร็วได้ และมันยังไม่มีผลไปรบกวนระดับของภูมิคุ้มกันที่ถ่ายทอดมาจากแม่ด้วย (Maternal immunity)
ในทางเดียวกัน วัคซีนนี้มันจะสามารถที่จะกระตุ้นให้เกิดภูมิคุ้มกันขึ้นได้ 2 อย่าง อย่างเช่น ถ้าใช้ Vector เป็นเชื้อมาเร็ก (HVT) และใส่ยีนของเชื้อนิวคลาสเซิลในส่วนที่สามารถกระตุ้นให้เกิดภูมิคุ้มกันต่อเชื้อ ND ได้ เข้าไปในตัวของ Vector HVT มันก็จะสามารถที่จะทำให้เกิดภุมิคุ้มกันได้ทั้งโรคมาเร็กค์ และโรคนิวคลาสเซิล ตามมา และนอกจากนี้ ภูมิคุ้มกันต่อโรคนิวคลาสเซิลที่เกิดขึ้นนี้ มันยังสามารถที่จะแยกออกได้ว่า มันเป็นชนิดที่เกิดขึ้นเนื่องจากการทำวัคซีน หรือเป็นภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นเนื่องจากการติดเชื้อ ND ภายในพื้นที่ฟาร์ม โดยวิธีการตรวจแยกวิเคราะห์นี้ จะใช้วิธี DIVA
โรคนิวคลาสเซิลนี้ มันจะตอบสนองโดยระดับภูมิคุ้มกันภายในร่างกายในหลายๆส่วน เช่น ระบบ HI หรือภูมิคุ้มกันที่มีในกระแสเลือด ระบบพึ่งเซลล์ หรือ cell-mediated และระบบต่อมน้ำเหลืองทั่วไปภายในร่างกาย เช่น HALT-head associated lymphoid tissue , BALT – bronchus associated lymphoid และ GALT- gut associated lymphoid tissue
วัคซีนชนิดรวม ( Recombinant vaccines)
ในการทำวัคซีนนิวคลาสเซิลในอนาคตข้างหน้านี้ วัคซีนที่ใช้ทำจะต้องเป็นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพที่ดี สามารถที่จะกระตุ้นภูมิคุ้มกันต่ออาการของโรค ND ได้หลายๆแบบ และลดการแพร่หรือการถ่ายเชื้อจากสัตว์ตัวที่เป้นออกสู่สิ่งแวดล้อมให้ได้ด้วย
ซึ่งวัคซีนที่จะมีการนำมาใช้ในอนาตคข้าวหน้า น่าจะเป็นวัคซีนชนิดรวม เป็นหลัก ซึ่งในที่นี้ก็อย่าง Vector vaccine นี่เอง ( rHVT – ND – Vectoemune HVT-NDV )ซึ่งการมาใช้นั้น จะทำการฉีดที่ไข่ฟักก็ได้ หรือฉีดที่ลูกไก่อายุ 1 วัน และหลังจากนั้นก็สามารถที่จะ ทำวัคซีนซ้ำได้อีกครั้งโดยวัคซีนเชื้อเป็น ไม่ว่าจะเป็นการละลายน้ำหรือการหยอดตา ก็แล้วแต่
งานทดลองวัคซีนที่ประสบผลสำเร็จ
ในงานทดลองนี้ ได้มีการทำวัคซีนในลูกไก่ที่จะนำไปเลี้ยงเป็นลูกไก่พันธ์รุ่น ซึ่งผลการทดลองพบว่า ให้ผลในการคุ้มโรค 100% โดยในการทดลองนี้ได้มีการใช้วัคซีนหลายแบบ ซึ่งวัคซีน Vectoemune HVT-NDV จะให้ภูมิคุ้มกันได้ประมาณ 90% ส่วน Cevac vitapest L จะให้ภูมิคุ้มประมาณ 70% ภายใน 1 สัปดาห์หลังจากที่มีการทำวัคซีนไปแล้ว
ในทางเดียวกัน วัคซีนที่ทำนี้มันจะช่วยลดการปลอดเชื้อไวรัสออกจากตัวไก่ซึ่งทั้งนี้มีการตรวจหาเชื้อที่ช่องใต้เพดาลปากและขี้ไก่ที่ไก่ถ่ายออกมา ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับไก่กลุ่มที่ไม่ทำวัคซีนแล้วจะพบว่าแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญและไก่กลุ่มที่ไม่วัคซีนก็จะตายสูงมาก กล่าวโดยทั่วไปจะบอกได้ว่าไก่กลุ่มที่ทำวัคซีนจะมีภูมิคุ้มกันสูงขึ้นมาก
การศึกษาในส่วนอื่นๆ ได้มีการนำไก่มาทำการฉีดเชื้อพิษทับที่อายุ 6 และ 10 สัปดาห์ ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสนิวคลาสเซิลสายพันธ์ที่มาจากประเทศแคนนาดา ซึ่งไก่กลุ่มที่ทำวัคซีนดังที่ได้มีการแสดงเอาไว้จะพบว่า สามารถที่จะป้องกันการติดเชื้อ หรือการฉีดเชื้อพิษทับได้ที่อายุ 6 สัปดาห์ แต่ที่อายุ 10 สัปดาห์ จะมีเฉพาะวัคซีน Vectoemune HVT-NDV และวัคซีน Cevac vitapest L ที่จะสามารถป้องกันการติดเชื้อ หรือการฉีดเชื้อพิษทับได้ 100%
ดร.ทอม โฮลเดอร์ จากอเมริกา ซึ่งทำงานให้กับกลุ่มบริษัท อเลนน์ ซึ่งเป็นบริษัทที่ผลิตอาหาร ได้มาทำการแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับการใช้วัคซีน HVT เพื่อที่จะใช้ในการป้องกันการติดเชื้อ ND ว่า แต่ก่อนที่เคยมีการใช้วัคซีนเค้ามักจะมีคำถามหลายๆคำถามที่ยังไม่มีคำตอบเสมอ ซึ่งคำถามเหล่านี้ก็จะมี เช่น
· มันสามารถที่จะใช้แทนโปรแกรมมาตรฐาน ที่เราใช้วัคซีน B1 อยู่หรือไม่
· มันสามารถที่จะป้องกันการติดเชื้อ มาร์เร็กต์ และเชื้อ นิวคลาสเซิล พร้อมกันได้หรือไม่
· เราจำเป็นที่จะต้องทำวัคซีนซ้ำเป็นครั้งที่ 2 หรือไม่ (boot vaccine)
· ในการทำวัคซีน เราจะต้องใช้ในขนาดที่เท่าใหร่ต่อการให้วัคซีนในไก่ 1 ตัว เพื่อทำให้มีประสิทธิสูงที่สุด
· ยี่ห้อของวัคซีนที่จะนำมาใช้ เราจะต้องใช้ยี่ห้อใหนถึงจะดีที่สุด
· และราคาของวัคซีนที่ว่าดีๆนี่ ราคามันจะเท่าใหร่
เพื่อที่จะได้รู้ว่าคำถามที่ยังไม่มีคำตอบของเค้านั้นคืออะไร เค้าก็เลยวางแผนการทดลองวัคซีน 2 ชนิดขึ้นมา
เพื่อที่เปรียบเทียบกัน โดยโปรแกรมที่ว่านี้ โปรแกรมแรกคือ โปรแกรมการใช้ BI และอีกโปรแกรมก็เป็น HVT ซึ่งวัคซีนที่นำมาใช้จะพบว่า วัคซีนที่เป็นของบริษัทซีวาจะให้ผลดีที่สุดและทำให้การสูญเสียน้อยที่สุดด้วย และโปรแกรมที่ดีที่สุดก็คือ โปรแกรมที่ใช้ HVT
โดยการทดลองเค้าได้ทำการทดลองเป็นช่วงๆในแต่ละปี ซึ่งผลการทดลองและข้อมูลต่างๆ จะแสดงเอาไว้ตามตารางที่ 2 กับ 3 สุขภาพไก่ในช่วงปี 2008-09 ในช่วงฤดูหนาว จะพบว่าไก่แสดงอาการเสียงหวัดเล็กน้อยในฟาร์ม แต่ก็มีบางฟาร์มที่มีเสียงหวัดรุนแรงมาก แต่ปัญหาระบบทางเดินหายใจที่กล่าวมานี้ เมื่อนำไปแยกเชื้อไวรัสพบว่า ไก่ที่แสดงอาการไม่มีการปนเปื้อนเชื้อไวรัสนิวคลาสเซิลเลย ในโปรแกรมที่ทำนี้(HVT)จะไม่มีการทำวัคซีนเชื้อเป็นเลยตลอดทั้ง 2 ปี ที่มีการเลี้ยงไก่ ซึ่งผลการเลี้ยงก็อยู่ในเกณฑ์ที่ดีดังที่กล่าวมา แต่ที่น่าสนใจก็คือ จากประวัติที่ผ่านมา ไก่กลุ่มที่มีอาการทางระบบหายใจจะสามารถที่จะแยกพบเชื้อนิวคลาสเซิลได้ ดังตารางที่ 4:
บทสรุป
ข้อดีของการใช้วัคซีน HVT vector เพื่อป้องกันโรคนิวคลาสเซิลนั้น มันมีข้อดีหลายๆอย่างที่น่าจะนำมาใช้ทำวัคซีนในฟาร์มไก่เนื้อ ดังนี้
· ลดความเคลียดเนื่องจากการทำวัคซีน
· ไม่ได้มีผลไปขัดแย้ง หรือต่อต้านกัน เมื่อมีการทำวัคซีน IB
· ลดอัตราการสูญเสีย และอัตราการคัดทิ้ง ที่โรงเชือด
· ทำให้ ไก่ที่เลี้ยงในฝุงมีความสม่ำเสมอกันมาก
· สามารถที่จะขจัดเชื้อนิวคลาสเซิลที่อยู่ภายในโรงเรือนเลี้ยงไก่ได้
· ต้นทุนการทำวัคซีน ต่ำ
ภาคผนวก
ตารางที่ 1: รายงานการระบาดของโรคนิวคลาสเซิล ( ND ) ในช่วงที่ผ่านมา
ปี | ประเทศ | ลักษณะการระบาด |
2000 | อิตาลี | ไก่ที่เลี้ยงเป็นอุตสาหกรรมและไก่หลังบ้าน |
2005-7 | กรีซ | ไก่เนื้อ |
2006 | อังกฤษ | นกป่าขนาดกลาง |
2006 | ญี่ปุ่น | ไก่เนื้อและไก่ที่เลี้ยงหลังบ้าน |
2007 | ฮอร์ดูรัส | อุตสาหกรรมการเลี้ยงไก่พันธ์รุ่นขนาดกลาง |
2007 | สวีเดน | ไก่พันธ์รุ่น |
2008 | ญี่ปุ่น | ไก่เนื้อ |
2009 | สวีเดน | ไก่พันธ์รุ่น |
2009-10 | อิสราเอล | ไก่พันธ์รุ่นและไก่เนื้อ |
2009-10 | เปรู | ไก่หลังบ้านและไก่ชน |
2009 | ฮอร์ดูรัส | ไก่หลังบ้าน |
2009 | สเปน | ห่าน |
ตารางที่ 2: ผลการเลี้ยงไก่เนื้อ ในช่วงเวลาในแต่ละปีนั้นๆ ( เดือน สิงหาคม – ตุลาคม ) ในช่วงปี 2007 – 2009
ปี | วัคซีน | อายุ | %สูญเสีย | นน.(ปอล์น) | FCR | %คัดซากทิ้ง |
จับไก่ไซด์ขนาดเล็ก | ||||||
2007 | IB | 40.45 | 3.5 | 4.40 | 1.80 | 0.35 |
2008 | Vect. | 39.0 | 2.6 | 4.50 | 1.74 | 0.39 |
2009 | Vect. | 37.8 | 2.0 | 4.51 | 1.70 | 0.07 |
จับไก่ไซด์ขนาดเล็ก | ||||||
2007 | IB | 53.8 | 5.5 | 6.33 | 2.04 | 0.34 |
2008 | Vect. | 53.3 | 3.4 | 6.77 | 1.98 | 0.22 |
2009 | Vect. | 49.8 | 2.6 | 6.35 | 1.94 | 0.12 |
ตารางที่ 3: ตารางเปรียบเทียบประสิทธิภาพของการเลี้ยงไก่ในช่วง 3 ปี (เดือนสิงหาคม – กรกฏาคม)
ปี | วัคซีน | อายุ | %สูญเสีย | นน.(ปอล์น) | FCR | %คัดซากทิ้ง |
จับไก่ไซด์ขนาดเล็ก | ||||||
2007-08 | IB | 40.7 | 4.4 | 4.45 | 1.81 | 0.63 |
2008-09 | Vect. | 39.0 | 2.8 | 4.56 | 1.76 | 0.23 |
2009-10 | Vect. | 38.2 | 2.6 | 4.47 | 1.73 | 0.12 |
จับไก่ไซด์ขนาดเล็ก | ||||||
2007-08 | IB | 52.9 | 5.8 | 6.30 | 2.03 | 0.34 |
2008-09 | Vect. | 51.2 | 3.5 | 6.50 | 1.98 | 0.23 |
2009-10 | Vect. | 49.6 | 3.4 | 6.49 | 1.95 | 0.21 |
ตารางที่ 4: ข้อมูลการแยกเชื้อไวรัส
NDV วัคซีน | ช่วงการเก็บตัวอย่าง | ฝูงที่พบติดเชื้อ IBV | ฝูงที่พบติดเชื้อ NDV | ||
| | จำนวน | % | จำนวน | % |
NDV- BI | Jan-May 08 | 38/115 | 33 | 34/115 | 30 |
rHVT-ND | Jun-Nov 08 | 11/37 | 30 | 0/37 | 0 |
เอกสารอ้างอิง
· Non .2010. Vector vaccine – the new approach to Newcastle disease control , International poultry production , V18(8) : 11-13 p.